วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เคราตินกับเส้นผม เคราตินช่วยบำรุงผมให้สวยได้จริงหรือ?

หลายๆ คนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ ทรีตเมนต์บำรุงผมด้วยการใช้ "เคราติน" มาบ้างว่า เมื่อทำแล้วจะช่วยทำให้ผมนุ่มลื่น ไม่แห้งเสีย กลับมามีสุขภาพดีดั่งเดิม เพียงแค่เห็นสรรพคุณก็ทำให้บรรดาสาวๆ ที่รักเส้นผม ถึงกับต้องหันมาสนใจกันเลยทีเดียวใช่ไหมล่ะ แต่ความจริงแล้วเคราตินช่วยบำรุงเส้นผมได้จริงหรือ? เมื่อทำไปแล้วจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า? ทาง Hello คุณหมอ จึงได้นำเรื่อง เคราตินกับเส้นผม มาฝากกัน

ทำความรู้จัก เคราตินกับเส้นผม
โดยปกติ เคราติน เป็นโปรตีนที่มักจะอยู่ในเส้นผม เล็บ และผิวหนัง แต่สำหรับ เคราตินกับเส้นผม นั้น เคราตินที่ถูกนำมาใช้ในการบำรุงผมตามร้านเสริมสวยต่างๆ จะเป็นเคราตินครีม ที่มีสารเคมี ชื่อว่า “ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde)” เป็นส่วนผสมอยู่ สารนี้จะถูกแปรงเข้าสู่เส้นผม ด้วยการเป่าให้แห้งและรีดด้วยที่หนีบผมอีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนการทำทั้งหมดจะทำไปทำปฏิกิริยากับเคราตินในเส้นผม ทำให้ผมหยิก หรือผมหยักศก ตรงขึ้น
ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ที่เป็นส่วนผสมในเคราตินครีม ถือเป็นสารที่มีอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ฟอร์มาลดีไฮด์ เป็นก๊าซที่ไม่มีสี แต่มีกลิ่นที่รุนแรง เมื่อดวงตาหรือผิวหนังโดนฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) มันจะส่งผลให้เกิดความระคายเคืองที่ตา จมูก และลำคอ ทำให้เกิดอาการไอ หายใจดัง และอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้อย่างรุนแรงที่บริเวณ
ดวงตา ผิวหนัง รวมถึงระบบทางเดินหายใจ การได้รับฟอร์มาดีไฮด์ (Formaldehyde) ในระดับสูง อาจทำให้เกิดมะเร็งได้ ยิ่งเคราตินครีมได้รับความร้อน ก็จะยิ่งปล่อยฟอร์มาดีไฮด์ (Formaldehyde) ที่มีความเข็มข้นสูงมากออกมา ดังนั้น เหล่าช่างทำผมที่ใช้เคราตินซ้ำๆ ในการดูแลเส้นผม จะมีความเสี่ยงมากที่สุด
ทั้งนี้ องค์การอาหารและยาและการจัดการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (OSHA) ได้ตรวจสอบระดับฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้แล้ว
เคราตินช่วยบำรุงผมสวยได้จริงหรือ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผลลัพธ์ของการทำเคราตินบนเส้นผมขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมของคุณด้วยว่าแข็งแรงแค่ไหน และมีความหนามากน้อยเพียงใด แต่บางคนก็อาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่ว่า เคราตินช่วยบำรุงผมได้จริงหรือ แล้วเมื่อทำแล้วสภาพเส้นผมจะเป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้นลองไปดูข้อมูลเหล่านี้กันดีกว่า
ทำให้ผมเรียบ เติมโปรตีนในช่องว่างของเส้นผมแต่ละเส้น ช่วยทำให้ผมดูหนาขึ้น และเรียบเนียนขึ้น ทำให้ผมดูเงางาม และตรง ทำให้คุณดูแล และจัดการผมได้ง่ายขึ้น ข้อควรรู้เมื่อต้องการทำเคราติน
สำหรับผู้ที่ต้องการทำเคราติน มีข้อควรรู้บางอย่างที่ควรรู้ไว้เบื้องต้น เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการทำเคราตินมากที่สุด
การทำเคราตินใช้เวลาในการทำ 90 นาที หรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยาวของเส้นผม ถ้าเป็นผู้ที่นิยมผมตรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การทำเคราตินจะช่วยลดเวลาในการเป่าผมลง 40-60 เปอร์เซ็นต์ หลังจากทำเคราติน คุณก็ไม่ต้องกลัวเรื่องของผมหยิกอีกต่อไป 
เมื่อทำเคราตินไปแล้ว อย่าเพิ่งสระผม ควรปล่อยทิ้งไว้ 3-4 วัน ควรสระผมด้วยแชมพูที่ไม่มีโซเดียมซัลเฟต เพื่อรักษาประสิทธิภาพของเคราตินเอาไว้ เคราตินจะช่วยทำให้ผมคุณตรงและดูสุขภาพดีได้ในช่วงระยะเวลา 2 เดือน ถึง 2 เดือนครึ่ง
ทั้งนี้ หากเกินอาการแพ้ หลังจากการทำเคราติน แนะนำว่าควรรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อจะได้การวินิจฉัย และการรักษาที่ถูกต้อง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2563

วิธีบำรุงเส้นผม เบสิกสำหรับคุณสาว ๆ ลองทำตามดู รับรองว่าผมจะสวย เงางาม สุขภาพดี

 วิธีบำรุงเส้นผม  เบสิกสำหรับคุณสาว ๆ ลองทำตามดู รับรองว่าผมจะสวย เงางาม สุขภาพดี


1. อย่าสระผมทุกวัน

การสระผมทุกวันไม่ได้ช่วยให้ผมสุขภาพดีอย่างที่คิด ในทางกลับกันการสระผมบ่อย ๆ ทุกวัน จะเป็นการทำร้ายเส้นผมทำให้ผมอ่อนแอ เพราะไขมันที่เคลือบอยู่บนเส้นผมจะถูกชำระล้างออกไป นาน ๆ เข้าทำให้กลายเป็นปัญหาหนังศีรษะแห้งจนเป็นรังแคได้ง่าย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเลิกสระผมทุกวันเสียเถอะนะคะ แล้วเปลี่ยนมาสระผมวันเว้นวันก็เพียงพอแล้ว

2. บำรุงผมด้วยครีมนวดทุกครั้งหลังสระผม

หลังสระผมทุกครั้งสาว ๆ ควรบำรุงเส้นผมด้วยครีมนวด เพราะครีมนวดจะช่วยปิดเกล็ดเส้นผมหลังสระ ทำให้เส้นผมนุ่มสสวย เงางาม มีน้ำหนัก ไม่ชี้ฟู และยังช่วยป้องกันผมแห้งเสียจากการโดนความร้อนได้ดีอีกด้วย

3. หวีผมอย่างเบามือ

แม้ว่าจะเร่งรีบสักแค่ไหน แต่คุณก็ไม่ควรรีบหวีผมให้เร็วและแรงจนเกินไป ควรหวีผมอย่างอ่อนโยนเบามือ ไม่งั้นละก็ผมของคุณคงหลุดร่วงออกมาเป็นกำเลยล่ะ นอกจากนี้คุณก็ไม่ควรหวีผมในขณะที่ผมเปียกด้วย เพราะเป็นช่วงเวลาที่รากผมกำลังอ่อนแอ หากใครผมร่วงบ่อยหรือมีปัญหาผมบาง ลองสังเกตพฤติกรรมการหวีผมของตัวเองให้ดี แล้วรีบแก้ไขซะเถอะ

4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผมที่ดี

เดี๋ยวนี้พวกแชมพู ครีมนวดผม และผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผมต่างก็มีออกมาให้เลือกใช้หลากหลายยี่ห้อ ฉะนั้นเมื่อไปซื้อแต่ละที ควรอ่านฉลากเพื่อดูส่วนผสม สรรพคุณ และเลือกที่เหมาะกับสภาพผมก่อน วิธีง่าย ๆ นี้จะช่วยให้ผมของคุณไร้ปัญหาแถมยังไม่เสียดายเงินที่เสียไปด้วย ก็เพราะเดี๋ยวนี้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผมแต่ละอย่างก็ไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ

5. หมักผมด้วยทรีตเมนต์ไข่

ไข่ วัตถุดิบคู่ครัวที่สามารถช่วยบำรุงฟื้นฟูผมได้เป็นอย่างดี ลองนำไข่ 1 ฟอง มาตีให้ไข่แดงและไข่ขาวรวมกัน จากนั้นนำมาหมักผม 20 นาที โดยทำเพียงสัปดาห์ละครั้ง หรือจะผสมน้ำมันมะกอกลงไปด้วยก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทำให้ผมนุ่มสลวยขึ้นได้ ลองทำติดต่อกันสัก 2-3 สัปดาห์ แล้วจะทึ่งกับผลลัพธ์เลยล่ะ

6. บำรุงผมด้วยน้ำมันหลากชนิด

วิธีที่เซเลบริตี้ผู้มีผมเงางามหลายคนเลือกใช้ อย่างการบำรุงผมอย่างสม่ำเสมอด้วยบรรดาน้ำมันต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อผม ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะพร้าวที่ช่วยให้ผมนุ่มสลวย น้ำมันมะกอกเพื่อผมเงางาม และน้ำมันอัลมอนด์เพื่อให้ผมแข็งแรง ควรหมักผมด้วยน้ำมันเหล่านี้ก่อนสระผมประมาณ 1 ชั่วโมงทำติดต่อกัน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพียงเท่านี้ผมของคุณก็จะสลวยสวยเก๋จนน่าอิจฉา

7. ไม่ควรจัดแต่งทรงผมบ่อย ๆ

พวกเครื่องม้วนผมไฟฟ้า เครื่องหนีบ ไดร์เป่าผม หรือเครื่องจัดแต่งทรงผมต่าง ๆ ที่ทำให้ผมต้องโดนความร้อน ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผมของคุณมีปัญหาเลยล่ะ ฉะนั้นอย่าให้ผมโดนความร้อนบ่อยเกินไปนัก ให้ลองปล่อยทรงตามธรรมชาติบ้าง ไม่งั้นละก็รากผมและหนังศีรษะของคุณจะอ่อนแอจนต้องเยียวยารักษากันหนักเลยทีเดียว

8. เลี่ยงใช้น้ำร้อนกับเส้นผม

แม้ว่าคุณจะรู้สึกหนาวกายแค่ไหน แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนมาสระผม เพราะน้ำร้อน ๆ นี่แหละที่จะทำให้ผมของคุณแห้งเสียจนน่าตกใจ ในทางกลับกันการใช้น้ำเย็นจะเป็นมิตรต่อผมมากกว่า แถมยังช่วยล็อกความชุ่มชื้นในผม ทำให้ผมเงางาม และไม่ทำให้ผมเปราะหักง่ายอีกด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วิธีดูแลเส้นผม ทำตามนี้ บอกลาผมแห้งชี้ฟู ไร้น้ำหนักได้เลย


วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2563

วิธีดูแลเส้นผม ทำตามนี้ บอกลาผมแห้งชี้ฟู ไร้น้ำหนักได้เลย


สำหรับสาวๆ หลายคนที่ยังไม่พอใจกับเส้นผมของตัวเอง อาจจะเพราะปัญหาผมที่แห้งชี้ฟูไม่มีน้ำหนักเงางามและยังไม่รู้ว่าจะดูแลอย่างไร 
วันนี้เรามีเทคนิคการดูแลเส้นผมที่ทำได้เองที่บ้าน รับรองว่าไม่นานเส้นผมที่นุ่มสลวย มีน้ำหนักและเงางามจะมาปรากฏอย่างแน่นอน
1.นวดศีรษะยามสระผม
เมื่อใดก็ตามที่สระผม ควรใช้ปลายนิ้วนวดลงบนหนังศีรษะเบาๆ ทุกครั้ง เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตจนทั่วทั้งศีรษะ ซึ่งวิธีนี้ยังช่วยให้เส้นผมได้รับน้ำมันจากธรรมชาติมากกว่าเดิมด้วย
2.หวีผมขณะที่แห้ง
หลังจากการสระผมเสร็จหมาดๆ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้หวีหวีผมทันที เพราะขณะที่ผมเปียกนั้นการหวีจะทำให้เส้นผมขาดง่ายกว่าปกติ 
ทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่เส้นผมอ่อนแอมากอีกด้วย และหวีที่แนะนำควรจะเป็นหวีซี่ห่าง เพราะจะช่วยลดการขาดร่วงของเส้นผมได้ดียิ่งขึ้น
3.ไดร์ผมอย่างถูกต้อง
เชื่อว่ามีหลายคนที่ยังใช้ไดร์เป่าผมไม่ถูกวิธีซึ่งจะทำให้ผมเสียโดยไม่รู้ตัว เพราะการใช้ไดร์เป่าผมที่ถูกต้องและดีที่สุดนั้นควรที่จะใช้เป่าจากส่วนบนลงไปด้านล่าง 
จากโคนของเส้นผมไปสู่ปลายผม เพราะวิธีนี้จะช่วยให้เกล็ดผมเรียงกันอย่างเป็นธรรมชาติและยังทำให้ผมนุ่มสลาย สวยงาม ที่สำคัญผมจะไม่ชี้ฟูอย่างแน่นอน
4.ปกป้องเส้นผมจากความร้อนอยู่เสมอ
ก่อนหนีบผมหรือม้วนผมลอนด้วยอุปกรณ์ทำผมไฟฟ้า ควรปกป้องเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้จะเข้าไปทำลายความชุ่มชื้นของผม ทำให้เส้นผมแห้งเสียและแตกปลายง่าย
5.กินอาหารที่มีประโยชน์
อาหารที่ดีมีประโยชน์นอกจากจะบำรุงสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และช่วยบำรุงผิวให้สวยได้แล้ว รู้หรือไม่คะว่ามันยังมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผมให้แข็งแรงเงางามและมีน้ำหนักได้อีกด้วย 
หากอยากให้ผมมีสุขภาพดีก็ควรกินผักผลไม้และอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่ขัดสี และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดจนการสูบบุหรี่ เพื่อลดการทำลายเส้นผมลงนั่นเอง
6.ปกป้องเส้นผมจากแสงแดด
นอกจากอุปกรณ์ทำผมไฟฟ้าที่เป็นตัวการทำลายความชุ่มชื้นของเส้นผมแล้ว แสงแดดก็นับเป็นศัตรูตัวกฉาจที่ทำลายผมให้แห้งกรอบได้เช่นเดียวกัน 
ดังนั้น จึงควรปกป้องเส้นผมจากแสงแดดก่อนออกแดดด้วยผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อน และที่สำคัญควรสวมหมวกปีกกว้างหรือกางร่มปกป้องแสงแดดเป็นประจำด้วยจะดีที่สุด
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสาวๆ กับวิธีดูแลเส้นผมให้สวย 6 ข้อ หากทำตามนี้เป็นประจำ สุขภาพผมสวยดั่งใจต้องการจะเป็นของคุณอย่างแน่นอน 
และถ้าจะให้ดีเพื่อการบำรุงอย่างล้ำลึกมากยิ่งขึ้น สาวๆ อาจจะหาเวลาทำทรีทเมนท์ผมบ้างอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งจะดีที่สุด
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------